สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท. จับมือกับ มูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในพระราชูปถัมภ์ (มพฉ.) และ เทศบาลเมืองพัทยา ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางน้ำให้แก่เมืองพัทยา โดยตั้งเป้าให้เป็น “ต้นแบบเมืองปลอดภัย” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว พิธีลงนามและเปิดการอบรมจัดขึ้นที่โรงแรมเดอะ ไซมีส พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ศาสตรเมธี ดร.สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม รองประธานกรรมการมูลนิธิการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในพระราชูปถัมภ์ (มพฉ.) และ นายกฤษณะ บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา ให้เกียรติร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้
ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กล่าวว่า ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่างพัทยา การอบรมหลักสูตร "ความปลอดภัยสำหรับผู้ช่วยชีวิตทางน้ำ (Lifeguard Safety Training)" จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพบุคลากรในโรงแรมและเรือท่องเที่ยวให้มีทักษะการช่วยชีวิตที่ถูกต้องตามมาตรฐานและพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยในการทำงานของไลฟ์การ์ดเองด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและทำให้พวกเขาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของพัทยาให้เติบโตอย่างยั่งยืน
หลักสูตร “Lifeguard Safety Training” เป็นหลักสูตรเข้มข้น 2 วัน รวม 12 ชั่วโมง โดยเน้นทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจริง ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรที่มีอายุ 2 ปี และสามารถเข้ารับการอบรมทบทวนเพื่อต่ออายุได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมหรือเรือท่องเที่ยวที่สมัครเข้ารับการอบรมภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการรับรอง T-OSH Certified 2025 Safety Training Lifeguard ซึ่งสามารถนำไปใช้ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้
ดร.นันทชัย ยังเปิดเผยถึงแผนการขยายผลการอบรมไปยังเมืองท่องเที่ยวทางน้ำอื่น ๆ ทั้งในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต, กระบี่ และพังงา รวมถึงเมืองในภาคตะวันออกอย่าง ระยอง, จันทบุรี และตราด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ